top of page

Ep.1 : เกือบโดนหลอกให้เป็นนายหน้าขายที่ดิน



Ep.1 // เกือบโดนหลอกให้เป็นนายหน้าขายที่ดิน // มานั่งๆคิดๆดูแล้ว หลังจากที่ได้เปิดเพจมาสักระยะหนึ่ง รวมไปถึงเปิดคอร์สสอนการเป็นนายหน้ามาหลายครั้ง มินรู้สึกว่า วิชานายหน้าทฤษฎี ค่อนข้างจะแตกต่างกับ ภาคปฎิบัติอย่างสิ้นเชิง เพราะ อาชีพนายหน้าเป็นอีกอาชีพหนึ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องเปิดเรดาห์ "สังเกตการณ์" อยู่ตลอดเวลา เพราะที่ดินหรือบ้านแต่ละเคส มักมีเรื่องราวที่คาดไม่ถึงให้แก้ปัญหาอยู่เสมอๆ เมื่อไหร่ก็ตามที่ไม่สังเกต หรือพลาดไป สุดท้ายอาจจะเกิดผลเสีย หรือปัญหาให้ตามแก้ไขไม่รู้จบ ดังนั้น นายหน้ามืออาชีพทุกคนจะต้องฝึกเป็นนักสังเกต เพื่อจะได้เตรียมพร้อมรับมือและแก้ไขปัญหาตั้งแต่เนิ่นๆ ไม่จำเป็นต้องรอให้ปัญหาบานปลาย ด้วยเหตุผลนี้ มินจึงอยากจะเอาประสบการณ์ต่างๆที่มินเคยเจอ เคยเห็น มาเล่าให้ผู้อ่านทุกคน ได้เรียนรู้และนำไปปรับใช้ในการทำอาชีพนายหน้าฯ สิ่งที่เล่า น่าจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะคะ มีทั้งสนุก เศร้า เคล้าน้ำตาปะปนกันไป แต่เชื่อได้เลยว่า เมื่อทุกคนติดตามอ่านเป็นเคสตัวอย่าง พอไปเจอหน้างานจริงๆจะได้ไม่ตกใจมาก ใน EP แรกนี้ มินก็อยากจะขอเปิดด้วยเรื่อง... "เกือบโดนหลอกให้ขายที่ดิน" เรื่องมันมีอยู่ว่า ..... วันนึง ในช่วงปลายๆสัปดาห์ มินตั้งใจว่าวันนี้จะลงพื้นที่ เก็บข้อมูลราคาที่ดิน และบ้านเพิ่มเติม เพื่ออัพเดตข้อมูล ว่าตอนนี้ราคาเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง วันนั้นก็ขับรถวนไปวนมา เช็คข้อมูลนู่นนี่นั่น และขับเลยโซนที่ดูแลไปนิดหน่อย กะว่าจะสำรวจละแวกใกล้เคียง ขณะที่กำลังขับรถอยู่นั่นเอง .... สายตาก็เหลือไปเห็นป้ายสีขาว ตัวหนังสือสีแดงซ่อนอยู่ในพงหญ้า ด้วยทำอาชีพนี้มาสักพัก ก็พอจะเดาออกว่า ป้านนั้นน่าจะเป็นป้ายขายที่ดินอย่างแน่นอน พอคิดว่าเป็นป้ายขาย สัญชาติญาณนักขายก็มาคะ เปิดประตูรถ ลุยพงหญ้าเข้าไป ค่อยๆรื้อหญ้าที่ขึ้นปกคลุมป้ายนั้นออก ให้พอเห็นเบอร์โทร และรายละเอียด ขณะที่กำลังคุ้ยหญ้าออก มินก็คิดในใจ ว่าที่ดินแปลงนี้อยู่ในทำเลที่ค่อนข้างดี ถนน ไฟฟ้าพร้อม ทำไมจึงยังขายไม่ได้ ก็ค่อยๆเกิดความสงสัยขึ้นในใจ พอได้เบอร์แล้ว ก็กดเบอร์โทรออกตามเบอร์ที่เขียนไว้ที่ป้ายทันที ตู๊ดดดด...ตู๊ดดดดดด รอไม่นาย ก็มีคนรับสาย เจ้าของเป็นคุณผู้ชายคนหนึ่ง มินก็แนะนำตัวเอง และสอบถามข้อมูลที่ตัวเองอยากรู้ทันที ราคาที่ได้รับมา ถือว่าเป็นราคาที่ไม่ได้สูงมาก เจ้าของที่ดินยังต่อท้ายว่า ถ้ามีคนสนใจ สามารถลดราคาได้อีก ในใจตอนนั้น มินก็ยังสงสัยอยู่นะ ว่าทำไมยังขายไม่ได้ ทั้งๆที่ทำเลดีและราคาไม่สูง มินก็เลยถามกลับไปว่า "ทำไมจึงขายคะ" เจ้าของตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงลุกลี้ลุกลนว่า "พี่เดือดร้อนก็เลยรีบขาย" "ถ้าน้องหาคนซื้อมาได้ พี่จ่ายค่านายหน้าพิเศษให้เลย" หลังจากวางสายไปแล้ว มินก็ยังรู้สึกเอ๊ะ !! ในใจ มันต้องมีอะไรแน่ๆ !! ตอนนี้ความรู้สึกสงสัยมันล้นมาก วิญญาณนักสืบก็มาสิงร่างทันที มินก็เลยตัดสินใจว่าจะลงไปพูดคุยกับคนแถวๆนั้น เพื่อสืบหาความจริง เพราะอยากรู้ว่า ที่ดินแปลงนี้มีอะไร ทำไมยังขายไม่ได้ เพราะโดยส่วนใหญ่ เหตุผลที่ที่ดินขายไม่ได้ หลักๆก็มาจาก ราคาที่สูงเกิน หรือ ที่ดินมีปัญหา แต่ที่ดินแปลงนี้ราคาก็ไม่แพง ทำไมยังขายไม่ได้ ยิ่งคิดก็ยิ่งสงสัย แต่ก่อนที่จะไปหาคนแถวๆนั้นเพื่อเก็บข้อมูล มินเดินไปรอบๆที่ดินก่อนว่า สภาพที่ดินเป็นอย่างไรบ้าง เพราะด้านหน้าต้นไม่ขึ้นรก มองไม่เห็นสภาพดินด้านในเลย พอเดินอ้อมไปด้านหลัง ปรากฎว่า เห็นสภาพที่ดินเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่ ดูแลลึกหลายเมตร ถ้าถมดินคงต้องลงทุนหลายแสนเลยทีเดียว พอเจอประเด็นนี้ก็ทดไว้ในใจก่อน คิดว่าคงเป็นหนึ่งเหตุผลที่ที่ดินยังขายไม่ได้ หลังจากนั้นมินก็เดินกลับมาด้านหน้าที่ดินอีกครั้ง ตอนนั้นเอง สายตาก็เหลือบไปหาคุณตาคนนึง อายุมากสักหน่อย เดินถอดเสื้อ เอวผูกด้วยผ้าขาวม้าสีแดงลายขวาง มินจึงรีบเดินเข้าไปหา ยกมือสวัสดีคุณลุงก่อน คุณลุงก็ถามว่ามาทำอะไรแถวนี้ มินก็เลยบอกไปตรงๆคะ ว่ามินเป็นนายหน้า พอดีเห็นที่ดินประกาศขายก็เลยมาดู เท่านั้นแหละ ไม่ต้องพูดอะไรมาก เพราะคุณลุงดูท่าทางเป็นคนชอบคุย ก็เลยเล่าว่า.....

ซอยนี้เดิม ไม่มีทางสาธารณะ แต่มีคนยกที่ดินเป็นทางสาธารณะ เพื่อให้เข้าไปถึงที่ดินตัวเองด้านในด้วย แต่ตอนแบ่ง คนคนนั้น ได้กันที่ดินข้างทางสาธารณะ ซึ่งเป็นที่ดินของตัวเองไว้ที่ควาามลึก ด้านละ 2 เมตร ตลอดแนวถนน นั่นก็หมายความว่า ที่ดินทุกๆแปลงในซอยนี้ จริงๆแล้วไม่ได้ติดถนน เพราะถูกกั้นเอาไว้ด้วยที่ดินของคนที่ยกที่ดินเพื่อเป็นทางตลอดแนว พอมาถึงตรงนี้ มินก็มาถึงบางอ้อทันที เหตุผลที่ ที่ดินแปลงนี้ยังขายไม่ได้ ทั้งๆที่มีราคาไม่สูงมากก็เพราะจริงๆแล้ว ที่ิดินไม่ติดทางสาธารณะนั่นเอง เพราะผู้ซื้อให้ความสำคัญเรื่องทางเข้าออกเป็นอย่างมาก มินก็เลยถามคุณลุงต่อว่า "คุณลุงคะ แล้วถ้าจะเปิดทางเข้าที่ดินด้านใน ทำได้มั้ย ?" คุณลุงก็บอกว่า "ได้สิ ของลุงบ้านอยู่ด้านใน ก็ขอซื้อที่ดินเพื่อเปิดทางเหมือนกัน ล็อคเล็กๆ กว้าง 4 เมตร จ่ายไป 300,000 ถ้าใครจะมาซื้อที่ดินในซอยนี้ ก็ต้องซื้อทางเข้าออกด้วย" คราวนี้ยิ่งไปกันใหญ่เลย ถ้าเอาราคาที่ดิน + ค่าถม + ค่าเปิดทางเข้า-ออก ที่ดินแปลงนี้ถือว่าราคาสูงมากทีเดียว

ด้านซ้าย : แปลนของที่ดิน // ด้านขวา : ภาพที่ดินจริง

"จะเห็นได้ว่า ถ้าดูจากรูปภาพของสถานที่จริง แทบจะดูไม่ออกเลยว่ามีที่ดินแปลงอื่นกั้นอยู่ เพราะป้ายขาย ติดอยู่บวิเวณมุมถนน ซึ่งถ้าดูผ่านๆ จะเห็นว่า ที่ดินเป็นแปลงมุม ติดถนน 2 ด้าน


แต่จริงๆแล้วไม่ใช่เลย เพราะด้านหน้าที่ดิน มีที่ดินอีกแปลงกั้น และอีกด้านที่เป็นถนนลูกรังนั้น เป็นที่ดินของคนอื่น

ดังนั้นก่อนจะขายที่ดิน จะต้องสอบถามจากคนละแวกนั้น, ระวาง และโฉนดให้เรียบร้อยเสียก่อน"



มาจนถึงตอนนี้ มินก็เข้าใจแล้วว่าทำไมที่ดินแปลงนี้ยังขายไม่ได้ เกือบไปแล้ว เกือบหาคนซื้อแล้ว .... เพราะคนเป็นนายหน้าส่วนใหญ่ พอเจอที่ดินแปลงสวยๆ ราคาดีๆ ย่อมจากจะรีบหาคนมาซื้อ อย่างแปลงนี้ถ้าหาคนซื้อได้จริง พามาดูที่ดินจริง เกิดการเจรจา และนัดทำสัญญาจะซื้อจะขาย สุดท้ายมาโป๊ะว่า เป็นที่ตาบอด แถมมีค่าใช้จ่ายรวมๆ แพงเกินความเป็นจริง สุดท้ายจะเกิดปัญหาได้ และคนที่เสียเครดิต คือเราที่เป็นนายหน้าเต็มๆคะ นี่ก็เป็นตัวอย่างสนุกๆนะคะ ที่คนเป็นนายหน้าฯ จะต้องสังเกต นั่นก็คือเรื่อง "ทางสาธารณะ" นั่นเอง ถ้าไม่มีทางเข้าออก ถึงแม้ที่ดินแปลงนั้นจะดีแค่ไหน มันก็คือ "ที่ดินตาบอด" ดีๆนี่เอง แล้วพบกันใหม่ใน Ep. ต่อไป By โค้ชมิน The Agent 4G #โค้ชมินTheAgent4G #นักขายอสังหาฯนายหน้ามืออาชีพ #นายหน้าอสังหาริมทรัพย์

bottom of page