
การเป็นนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ สำหรับใครหลายๆคนที่ยังไม่เคยสัมผัสอาชีพนี้ หรือเพิ่มสัมผัส จะเข้าใจเพียงแค่ว่า การเป็นนายหน้าอสังหา คือการที่มีโฉนด บอกขาย หาคนซื้อ ขายได้คือทำงานจบ .... ถ้าหากทำงานไม่กี่อย่างแล้วขายได้เลย คงมีคนที่ทำอาชีพนายหน้าอสังหาฯเยอะมากๆ แต่หากคุณสังเกตให้ดีเลยก็คือ หากมีคน 10 คน อยากจะเป็นนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ เมื่อทั้ง 10 คนได้เริ่มทำ พอเวลาผ่านไป จะมีสัดส่วนเพียง 1 คน เท่านั้น ที่ยังสามารถทำอาชีพนี้ได้สำเร็จ
ถามว่าทำไม จึงสำเร็จน้อยจัง ? ก็เราะว่าอาชีพนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ เป็นอะไรทีี่จะต้องใช้ทักษะ และความเชี่ยวชาญค่อนข้างมาก หากเดินเข้ามาตัวเปล่าแบบไม่มีความรู้ แล้วคาดหวังว่าจะขายได้ ได้รับค่านายหน้า แบบนี้เชื่อเลยว่าเข้ามาลองทำ ย้ำว่า ลองทำ ได้ไม่นานก็จะล่าถอยไป
ในอาชีพนายหน้าอสังหาฯ จะแบ่งนายหน้าออกเป็น 3 ประเภท
ประเภทที่ 1 : นายหน้าอสังหาฯพาร์ทไทม์
นายหน้ากลุ่มนี้ ไม่ใช่คนที่มีงานประจำแล้วมาทำช่วงเวลาว่าง แต่คือกลุ่มคนที่คิดว่า อาชีพนี้ง่าย จับเสือมือเปล่า ทำงานหวังฟลุ๊คว่าจะขายได้ ง่ายๆเลยก็คือ เป็นไปตามเนื้อหาด้านบนที่ได้เขียนอธิบายไป ที่สำคัญเลยคนกลุ่มนี้จะตื่นเต้นกับ สำเนาโฉนด และมูลค่าสูงๆของทรัพย์ที่ขาย โดยไม่ไตร่ตรองความเป็นไปได้ที่จะขายว่าขายได้จริงหรือไม่
คนกลุ่มนี้ จะเอาสำเนาโฉนดเสนอคนมีเงิน เสนอนายทุน หรือแม้กระทั่งติดต่อนายหน้าคนอื่นให้ช่วยขาย และรออยู่เฉยๆ คิดว่าไม่ต้องทำอะไรก็ได้ค่านายหน้า สุดท้าย พอเวลาผ่านไป ไม่ได้รับเงินก็จะเลิกทำไปในที่สุด
ประเภทที่ 2 : นายหน้าอสังหาริมทรัพย์อิสระ
นายหน้าในประเภทนี้ เป็นนายหน้าอสังหาฯที่ทำอาชีพนี้เป็นหลัก หรือ เป็นอาชีพรอง แต่ทำจริงจัง แบบเป็นมืออาชีพ ทำงานติดผู้ขาย ทำการตลาดหาผู้ซื้อ เจรจาต่อรอง เรียกได้ว่า ทำทุกอย่างส่วนใหญ่ด้วยตัวเอง ขายได้ได้รับค่านายหน้าเต็มๆ
ประเภทที่ 3 : นายหน้าอสังหาริมทรัพย์สังกัดบริษัท
ในกลุ่มนี้เป็นนายหน้าอสังหาฯมืออาชีพเช่นเดียวกัน พวกเขาจะทำงานคล้ายๆนายหน้าประเภทที่ 2 เพียงแต่แตกต่างกันตรงที่ เขาเลือกทำงานร่วมกับบริษัทนายหน้า หรือที่เรียกกันว่า Real Estate Broker กึ่งๆ Freelance แต่สังกัดบริษัท รูปแบบการทำงานก็คือ มีหน้าที่ทำงานกับผู้ขาย ผู้ซื้อ และบริษัทส่วนใหญ่จะเป็นฝ่ายสร้างแบรนด์ ภาพลักษณ์ ความน่าเชื่อถือ ทำการตลาด มีแอดมินคอยเชื่อเหลือ ฯลฯ ดังนั้นเมื่อ ปิดการขายทรัพย์ได้ ก็จะทำการแบ่งค่านายหน้า ระหว่างตัวเขา กับ บริษัท ตามสัดส่วนที่ได้ตกลงกันไว้
"หากจะทำอาชีพนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ ให้ประสบความสำเร็จ จงอย่าเป็นนายหน้าอสังหาฯพาร์ทไทม์"
หากอ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนอาจจะมีคำถามว่า แล้วเราควรจะเป็นนายหน้าอสังหาฯแบบอิสระหรือสังกัดบริษัทดี ? มินขออธิบายแบบนี้คะว่า ทั้งสองประเภท มีข้อดี ข้อเสียที่ต่างกัน ไม่มีประเภทไหนดีที่สุด ดังนั้นมินจะขอสรุปให้อ่าน ว่าแต่ละประเภทมีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้าง แล้วมาวิเคราะห์เอาตามที่ถูกกับจริตของตัวเอง
นายหน้าอสังหาริมทรัพย์อิสระ
ข้อดี
- มีอิสระ : ทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกการทำงาน ทุกตารางเวลาการนัดหมาย ขึ้นอยู่กับตัวคุณเอง ไม่มีกฎระเบียบมาผู้มัด
- รับค่านายหน้าเต็มๆ : คนที่เป็นนายหน้าอิสระเมื่อไหร่ก็ตามที่ปิดขายได้ และเป็นคนดีลผู้ขายผู้ซื้อด้วยตัวเอง เมื่อขายได้ก็จะได้รับค่านายหน้าเต็ม ไม่ต้องแบ่ง
ข้อเสีย
- ต้องรับมือปัญหาทุกอย่างด้วยตัวเอง : แน่นอนทำงานคนเดียว เมื่อเกิดปัญหาขึ้นคุณก็ต้องรับมือแก้ปัญหา และปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นก็คือ ลูกค้าไม่จ่ายค่านายหน้า กรณีแบบนี้ต้องขึ้นโรงขึ้นศาลเลยทีเดียว
- แบกรับค่าใช้จ่ายทุกอย่างคนเดียว : ไม่ว่าจะเป็นค่าการตลาดออฟไลน์ ออนไลน์ ค่าใช้จ่ายอื่นๆที่เกี่ยวข้องในการทำงาน เมื่อคุณได้รับเงินค่านายหน้าเต็มจำนวน เวลาที่จ่ายก็ต้องจ่ายด้วยตัวเองเต็มจำนวนเช่นกัน
- ไม่มีที่ปรึกษา/พี่เลี้ยง : คนที่เป็นนายหน้าอิสระ ช่วงแรกจะยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ดังนั้นจึงจำเป็นจะต้องมีพี่เลี้ยงหรือที่ปรึกษาคอยให้คำแนะนำ แต่ถ้าหากคุณอยากจะเป็นนายหน้าอิสระ คุณจะต้องอดทน มุ่งมั่น และพยายามมากกว่าปกติ เพราะหากคุณท้อไปเสียก่อน คุณจะเลิกทำอาชีพนี้ไปในที่สุด
- ต้องสร้างความน่าเชื่อถือด้วยตนเอง : การเป็นนายหน้า ความน่าเชื่อถือและคอนเนคชั่นคือสิ่งที่สำคัญ หากคุณทำอาชีพนี้คนเดียว คุณต้องใส่พลังการสร้างแบรนด์ตัวเอง สร้างความน่าเชื่อถือและสร้างคอนเนคชั่นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
นายหน้าอสังหาริมทรัพย์สังกัดบริษัท
ข้อดี
- มีแบรนด์ : เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณไปพบลูกค้าในนามบริษัท คนจะเชื่อถือมากกว่าไปในนามส่วนตัว และหากคุณเลือกทำงานกับบริษัทที่ทำการตลาดสร้างแบรนด์ดีๆ คุณจะเปิดใจผู้ขาย ผู้ซื้อได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
- ดูแลค่าใช้จ่ายบางส่วน : บริษัทโบรคเกอร์อสังหาริมทรัพย์ส่วนใหญ่ จะเป็นผู้ดูแลค่าใช้จ่ายในการทำการตลาดให้กับตัวแทนนายหน้าที่สังกัดบริษัท ทำให้คุณไม่ต้องมากังวลเรื่องค่าใช้จ่ายเหล่านี้
- มีพี่เลี้ยง : สิ่งที่ดีมากๆอีกข้อหนึ่งของการสังกัดบริษัทก็คือ คุณจะมีพี่เลี้ยงคอยให้คำแนะนำ พาไปลงพื้นที่ ดูการทำงานจริงๆ ซึ่งจุดนี้จะทำให้คุณเห็นภาพและเข้าใจการทำงานเร็วมากยิ่งขึ้น
- มีทีมสนับสนุน : การทำงานสังกัดบริษัทส่วนใหญ่ คุณจะมีทีม มีเจ้าหน้าที่คอยช่วยเหลือแก้ปัญหาต่างๆให้ ซึ่งก็จะอำนวยความสะดวกในการทำงานให้ง่ายมากขึ้น
ข้อเสีย
- ต้องอยู่ในกฎระเบียบ : แน่นอนว่าการอยู่ร่วมกับคนหมู่มาก ต้องมีกฎระเบียบ มีเป้า มียอดขายกำหนด มีการนัดประชุม ต่างๆมากมาย ซึ่งหากใครไม่ชอบอยู่ในกฎระเบียบที่ถูกกำหนดอาจจะไม่ชอบได้
- ต้องแบ่งค่านายหน้า : ต้องเข้าใจก่อนว่า โลกนี้ไม่มีของฟรี เมื่อร่วมกันทำงาน ขายได้ก็ต้องแบ่งกันเป็นเรื่องปกติ ซึ่งโดยส่วนใหญ่สัดส่วนการแบ่งจะอยู่ที่ 50 : 50
ดังนั้นการที่คุณจะเลือกว่า จะเป็นนายหน้าอิสระ หรือ สังกัดบริษัทก็ขึ้นอยู่กับตัวคุณเองเลย
ขอเพิ่มเติมอีกสักหน่อย ปัจจุบันมีหลายบริษัท มีนโยบายการร่วมงานกับนายหน้าอสังหาฯที่ต่างออกไป บางบริษัท เปิดให้เข้าฟังสัมมนา ถ้าหากต้องการไปต่อก็ต้องสมัครเรียนหลักสูตรของเขาเพื่อสังกัดบริษัท
บางบริษัท ทำงานลักษณะคล้ายๆกึ่งายแฟรนไชส์ คือขายแบรนด์ โลโก้ ของบริษัทโดยคิดค่าใช้จ่ายรายปี
เช่นเดิมเลือกตามที่ตัวเองถนัด และหาข้อมูลให้เพียงพอก่อนตัดสินใจ
และสำหรับใครที่กำลังสนใจ อยากจะเป็นนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ หรือ เป็นนายหน้าอยู่แล้วแต่ปิดการขายไม่ได้สักที มินได้สร้างคอร์ส "จากศูนย์ถึงล้านด้วยนายหน้าอสังหาริมทรัพย์" ขึ้นมา เป็นคอร์สเรียนทางออนไลน์ ที่อธิบายการทำงานของ "นายหน้า" ตั้งแต่เริ่มต้น จนกระทั่งโอนกรรมสิทธิ์
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม : https://theagent-4g.thinkific.com/courses/millionaire-agent
ขอให้โชคดีบทเส้นทางการเป็นนายหน้าอสังหาริมทรัพย์
โดย โค้ชมิน ดารารรณ (The Agent 4G)